วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

                                                                                                                                                                หลัก12ประการ                                                                                                                                                                                                                                                                                           1.มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติในปัจจุบัน ทุกชาติจะพัฒนาได้หากเสาหลักหรือสถาบันหลักของชาติเข้มแข็งด้วยความรักอย่างถูกวิธีของคนในชาติ สมัยจอมพล ป.สถาบันชาติเข้มแข็งมาก แต่อาจจะไม่สมดุลในสถาบันอื่นๆ ส่วนสมัยจอมพลสฤษดิ์ สถาบันพระมหากษัตริย์เข้มแข็งมาก ในสมัยพลเอกประยุทธ์ เราหวังอย่างยิ่งที่จะเห็น 3 สถาบันหลักของชาติมีความเข้มแข็งอย่างสมดุลดีงาม ชาติบ้านเมืองสงบคนรักในความเป็นไทยและชาติของเรา พร้อมไปกับยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของศาสนาขัดเกลาใจคนมีคุณธรรม และยึดมั่นในการเคารพรักพร้อมทั้งเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้อยู่เหนือสิ่งใด
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม  เรื่องนี้สรุปได้สั้นๆว่า คนไทยต้องมีค่านิยมจิตสาธารณะ ซื่อสัตย์ไม่คดโกงไม่เอาเปรียบคนอื่น เสียสละเพื่อส่วนรวมไม่เห็นแก่ตัว อดทน และมีอุดมการณ์ต่อส่วนรวม จิตสำนึกนี้ใครเห็นใครก็ชม ตัวอย่างนี้ญี่ปุ่นคือตัวอย่างที่ดี
3. กตัญญู ต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ ข้อนี้มั่นใจว่าเป็นคุณลักษณะเด่นของคนไทยทุกยุคสมัยอยู่แล้ว
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษา เล่าเรียน ทางตรงและทางอ้อม  ประเทศชาติจะพัฒนาได้บุคลากรของคนในชาติต้องมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นทางวิชาการและทางทักษะความสามารถ คนในชาติมีปัญญามีความรู้ คนในชาติอีกส่วนก็สนับสนุนในภูมิปัญญาความรู้ของคนไทยด้วยกัน เพื่อสร้างค่านิยมใฝ่รู้ใฝ่เรียน เชิดชูคนมีปัญหาให้มากกว่าคนมีทรัพย์สินเงินตรา
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม  ข้อนี้ขอเถอะครับ อยากให้มันเด่นชัดออกมามากๆ จริงๆ เรามีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามมากมายทัดเทียมระดับโลก เพราะบูรพกษัตริย์ของไทยแต่โบราณรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ เรื่องนี้สอดคล้องกับสถาบันหลักของชาติทั้งหมด ตอนดูภาพยนตร์เรื่อง Grace of Monaco ตะวันตกเขาร้องโอเปร่ากันจนโด่งดังข้ามความนิยมมาถึงเอเชีย ส่วนการแสดงของไทยเราอย่างโขน ปี่พาทย์ ก็อลังการชนะเลิศไปกว่ามากทีเดียว นอกจากนี้ประเทศของเราน่าจะมีหน่วยงานที่ดูแล National Treasure ทุกรูปแบบทั้งสถานที่ทั้งที่สร้างเองและธรรมชาติ สิ่งของที่ประดิษฐ์อย่างประณีตโดยคนในชาติเรา บุคคลสำคัญ รวมไปถึงหนังสือและองค์ความรู้ ภูมิปัญญาชาติไทยเรา มารักษา ทำนุบำรุง สร้างสรรค์ขึ้นมาให้เป็นงานลักษณะพัฒนาอย่างจริงจัง แล้วสร้างจุดขายเชิงรุกให้ประเทศ
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
7. เข้าใจ เรียนรู้ การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง  ย้ำว่า "ที่ถูกต้อง" นะครับ
8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่  คนไทยต้องซึมซาบจากการเข้าแถว เคารพในการมีระเบียบวินัย จะสร้างการเรียนรู้ไปถึงการเคารพบุคคลอื่น จากนั้นเราก็จะหนักแน่นในการเคารพกฎหมาย
 9. มีสติ รู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่าย จำหน่าย และขยายกิจการ เมื่อมีความพร้อม โดยมีภูมิคุ้มกันที่ดี
เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้เป็นการขัดแย้งกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างที่ฝ่ายไม่หวังดีจงใจโจมตี แต่เป็นการพยุงการเติบโตเศรษฐกิจในแต่ละการพัฒนาให้มีการเติบโตที่เป็นไปอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่หวือหวา แจกรถ ปลดหนี้ ให้บ้าน แบบที่รัฐบาลที่แล้วเพาะเชื้อเอาไว้
11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาป ตามหลักของศาสนา ย้ำตรง "ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาป" ตัวอย่างผ่านไปหมาดๆ กรณีผู้ว่าการรถไฟคนที่แล้ว
12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และต่อชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

อบรม


สิ่งสำคัญของปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน คือ 

1.บางทีถ้าสามารถทำการช่วยเหลือได้ทัน อาจสามารถทำให้ผู้ป่วยฟื้นคืนชีพได้ 
2.แม้ไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยฟื้นได้ทันที แต่การช่วยปั๊มหัวใจและช่วยหายใจอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยพยุงให้เลือดไปเลี้ยงสมองอยู่ตลอดเวลา ไม่ให้สมองขาดออกซิเจน หากโชคดีส่งถึงโรงพยาบาลและแก้ไขสาเหตุจนหัวใจกลับมาเต้นใหม่ได้ สมองจะได้ฟื้นคืนมาด้วย สมองคนเราถ้าขาดออกซิเจนไปเลี้ยงเกิน 4 นาที จะสูญเสียถาวร แม้หัวใจจะกลับมาเต้นใหม่ในภายหลัง แต่สมองที่เสียไปแล้วจะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถฟื้นคืนสติได้อีก หรือถึงฟื้นขึ้นมาก็จะไม่เหมือนเดิม

การปฎิบัติการช่วยชีวิตนี้ เป็นสิ่งที่ยิ่งเริ่มทำเร็วเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีกับผู้ป่วยมากเท่านั้น (แต่ต้องทำอย่างถูกวิธี) เพราะสมองยิ่งขาดออกซิเจนไปเลี้ยงนานเท่าไหร่ยิ่งโอกาสฟื้นน้อยลงเรื่อยๆ 
ความรู้ตรงนี้เป็นสิ่งจำเป็นมากวันนี้จึงได้สรุปย่อเนื้อหาจากแนวทางการช่วยชีวิตโดยเน้นการช่วยชีวิตเบื้องต้นที่บุคคลทั่วไปควรทำได้ ระหว่างรอความช่วยเหลือจากบุคลากรทางการแพทย์ค่ะ
มาทำความรู้จัก การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานด้วยการปั๊มหัวใจ และ การช่วยหายใจกันครับ


 หลักพื้นฐาน การขับขี่ปลอดภัย 10 ประการ                                                                                                                                                                                                                                                                  1. สวมหมวกกันน๊อคทุกครั้งเวลาขับขี่รถจักรยานยนต์
 2. หมั่นตรวจระบบเบรค ยางและระบบส่องสว่างให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานอยู่เสมอ                                        3. มองดูด้านหลังและให้สัญญาณไฟทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนช่องทาง
 4. สัญญาณจราจรที่สำคัญและควรจดจำ
 5. อย่าขับขี่รถจักรยานยนต์สวนทาง หรือข้ามช่องทางวิ่ง
 6. ระมัดระวัง และลดความเร็วทุกครั้งเมื่อพบกับสภาพถนนที่ขรุขระ เป็นหลุม
 7. อย่าขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
 8. ห้ามเสพหรือดื่มของมึนเมาขณะขับขี่รถจักรยานยนต์
 9.การขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณสี่แยกที่มีการจราจรติดขัดในด้านตรงข้าม
ควรหยุดรถ หรือชะลอความเร็วของรถ และตรวจดูว่าปลอดภัยจากยานพาหนะอื่น แล้วจึงเคลื่อนรถเข้าสู่บริเวณสี่แยก โดยระมัดระวังรถคันอื่นที่จะออกมาจากมุมที่มองไม่เห็น หรือจุดบอดที่เกิดจากรถที่กำลังจอดติดกันอยู่ อาจมาจากรถบนทางตรงของถนนที่ตัดกัน หรือรถที่เลี้ยวมาจากด้านตรงข้าม
 10. การขับขี่รถจักรยานยนต์บนถนนที่ไม่มีไฟส่องสว่าง และมีปริมาณรถน้อยในเวลากลางคืน
ในการขับขี่รถจักรยานยนต์บนถนนที่ไม่มีให้ส่องสว่างในเวลากลางคืนจะสามารถมองเห็นได้เพียงบริเวณที่ไฟหน้ารถส่องสว่างถึง ดังนั้นจึงควรขับโดยใช้ความเร็วต่ำกว่าเวลากลางวัน เพื่อให้สามารถคาดการณ์ และแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันได้                  

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

ข้อดีของการทำงานเป็นทีม

                                                                                                       ช่วยให้การทำงานบรรลุเป้าหมาย เนื่องจากทีมงานจะมีการแบ่งงาน แบ่งหน้าที่ตามความสามารถและความชำนาญ เมื่อลงมือทำงานจะสามารถดำเนินงานได้รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ มีคุณภาพ ทำให้การทำงานบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลช่วยสร้างความสัมพันธ์ในการทำงาน เนื่องจากสมาชิกในทีมงานจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือกัทำงาน โดยระดมกำลังความคิด ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ช่วยงานให้เพื่อนสมาชิกใน ทีมงานได้ความรู้และเทคนิคการทำงานให้รวดเร็ว ถูกต้อง มีคุณภาพ นอกจากนั้นสมาชิกในทีมงานสามารถทำงานให้เกิดประสิทธิภาพช่วยสร้างขวัญที่ดีในการทำงาน เนื่องจากการทำงานเป็นทีมมีความพร้อมเพรียงทั้ทางด้านกำลังความคิด กำลังกายและกำลังใจ สามารถรวมกันหรือผนึกกำลังกันได้ รวมเป็นจุดร่วมเดียวกันทำให้เกิดความร่วมมือร่วมแรงในการทำงาน ก่อให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่ดี สมาชิกร่วมทีมงานจะมีความรู้สึกสบายใจและเพลิดเพลินกับการทำงาน จึงก่อให้เกิดขวัญที่ดีในการทำงาง

การเรียนสายวิทย์

                                                                                 การเรียนสายวิทย์ จะต้องเข้าใจคณิตศาสตร์ให้ได้ตั้งแต่ชั้น ม.4 ในชั้นนี้นอกจากจะเรียนทุกวิชาในโรงเรียนแล้ว ควรทุ่มเวลาในการทำโจทย์คณิตศาสตร์ ถ้าไม่เข้าใจ ก็ให้ครูที่มาสรุปเนื้อหาคณิตศาสตร์ในชั้นมัธยมปลายให้หมด เพื่อความเข้าใจเนื้อ เพราะการเรียนมากเช่นนี้ จะทำให้ไม่มีเวลาที่จะทบทวนวิชาที่เรียนมา และไม่มีเวลาทบทวนเนื้อหาที่เรียนในโรงเรียน สุดท้ายก็เลยไม่เข้าใจทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตร ในช่วงปิดเทอมใหญ่ของชั้น ม.4 อาจจะเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ฟิสิกส์ และเคมีเพิ่มเติม หลังจากที่ได้เรียนคณิตศาสตร์จนเข้าใจดี ช่วงปิดเทอม 3 เดือนนี้ ควรทำแบบฝึกหัดทบทวน 4 วิชาหลักนี้คือ คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ และอังกฤษ ในระหว่างเรียนในชั้น ม.5 นั้น อาจเรียนพิเศษเก็บ 4 วิชาหลักนี้ให้หมดหลักสูตรของชั้นมัธยมปลาย โดยในช่วงปิดเทอม 3 เดือนของชั้น ม.5 นั้น ควรนำแบบฝึกหัดของทั้ง 4 วิชานี้มาทบทวนเพื่อให้เกิดความชำนาญ ครั้นเริ่มเรียนในชั้น ม.6 ควรทำความเข้าใจในวิชาสังคม ภาษาไทย และชีววิทยา ระหว่างนี้ก็หมั่นทำข้อสอบวิชาต่างๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญ และเพื่อไม่ให้ลืมเนื้อหาในวิชาเหล่านั้นโดยช่วงปิดเทอมในเดือนตุลาคมจะเป็น การเตรียมตัวครั้งใหญ่และเป็นครั้สุดท้ายก่อนที่จะมีการสอบต่าง ๆ ติดตามมา                                                        

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

นำเสนองานครับ



                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                จักรวรรดิเปอร์เชียก่อตั้งภายใต้พระเจ้าไซรัสมหาราชผู้ทรงยึดจักรวรรดิจากชนมีดีส และทรงขยายดินแดนออกไปทางตะวันออกกลางที่รวมทั้งดินแดนของบาบิโบเนีย อัสซีเรีย ฟินิเซีย และ ลิเดีย หลังจากนั้นพระเจ้าแคมไบซีสที่ 2 แห่งเปอร์เชียพระราชโอรสในพระเจ้าไซรัสก็ทรงดำเนินนโยบายการขยายดินแดนต่อไปยังอียิปต์ จักรวรรดิอคีเมนียะห์มาสิ้นสุดลงระหว่างสงครามอเล็กซานเดอร์มหาราช แต่ก็มาฟื้นตัวอีกครั้งในรูปของจักรวรรดิพาร์เธียน และ จักรวรรดิซาสซานิยะห์ แห่ง อิหร่าน ที่ตามมาด้วยยุคประวัติศาสตร์หลังศาสนาอิสลามของจักรวรรดิต่างๆ เช่น จักรวรรดิทาฮิริยะห์ จักรวรรดิซาฟาริยะห์ จักรวรรดิไบอิยะห์ จักรวรรดิซามานิยะห์ จักรวรรดิกาสนาวิยะห์ จักรวรรดิเซลจุค และ จักรวรรดิควาเรซเมีย มาจนถึงอิหร่านปัจจุบัน อันนี้เป็นเนื้อหาสรุปครับ

การทำความสะอาด

                                                                           วันนี้มาทำความสะอาดห้องเรียนครับเก็บเศษขยะที่อยู่ในลิ้นชักออก เเละยกเก้าอี้คว่ำไว้บนโต๊ะเเล้วจัดโต๊ะเก้าอี้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วใช้ไม้กวาดดอกหญ้ากวาดพื้นห้องโดยกวาดเศษขยะต่างๆออกมากองไว้ ที่เดียวจากนั้นใช้ที่ตักขยะต่างๆ ไปทิ้งลงในถังขยะเสร็จแล้วก็เก็บนำขยะในถังขยะไปเททิ้งในที่ที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้ให้ เเล้วล้างทำความสะอาดถังขยะเเละเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ


                                                                                                 สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนจะผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ คือตัดความเขินอายออกไปแล้วทำตัวให้เป็นธรรมชาติ หลายคนมองว่าการทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะกังวลว่าจะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายประทับใจ หรือจะพูดคุยอย่างไรให้ลื่นไหลดี แต่...ยิ่งกังวลมากก็ยิ่งเกร็ง และยิ่งทำตัวไม่เป็นธรรมชาติ บทสนทนาของคนที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก จึงมักจะตะกุกตะกักเพราะยังประหม่าเขินอายด้วยกันทั้งคู่